ผมเคยเขียนถึง "เฮียฮ้อ" สุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ แห่งค่ายอาร์เอสมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเขียนจากการอ่านบทสัมภาษณ์ "เฮียฮ้อ" ในหนังสือหลายเล่ม
แค่อ่านก็รู้สึกแล้วว่า คนคนนี้ไม่ธรรมดา
"เฮียฮ้อ" ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีพัฒนาการชนิดที่ก้าวกระโดด
แต่นั่นคือ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจาก "การอ่าน"
จนเมื่อวันก่อนต้องเป็นคนสัมภาษณ์ "เฮียฮ้อ" บนเวทีในงานของสำนักพิมพ์มติชนและประชาชาติธุรกิจ
ยิ่งคุย ยิ่งถาม ยิ่งรู้สึกเลยว่า "แกรมมี่" กำลังเจอกับคู่แข่งที่น่ากลัวมาก
เป็น "คู่แข่ง" รายเดิม แต่ไม่เหมือนเดิม
เชื่อไหมครับ จุดเปลี่ยนความคิดของ "เฮียฮ้อ" ที่นำพา "อาร์เอส" ก้าวเข้าสู่โลก ดิจิทัลมาจากการเดินทางไปญี่ปุ่นกับลูกเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน
"เฮียฮ้อ" ไปหาซื้อเครื่อง "วอล์กแมน" ที่ใส่แผ่นซีดีเพลง
เขาหาซื้อไม่ได้ จนไปเจอในร้านหนึ่งที่กำลังขายเลหลังอยู่
ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกแห่งมีแต่ "ไอพอด" และ "เอ็มพี 3"
เครื่องเท่ากล่องไม้ขีด จุเพลงได้มากกว่า แผ่นซีดี
คุณภาพดีกว่า ราคาถูกกว่า การใช้งาน สะดวกกว่า "วอล์กแมน"
"เฮียฮ้อ" สรุปเลยว่า "เอ็มพี 3" มาแน่
เพราะไม่มีเหตุผลว่า ทำไมผู้บริโภคจะไม่เล่นเอ็มพี 3
ผมนึกถึง "ธนินท์ เจียรวนนท์" ที่บอกว่า จะผลิตสินค้าที่แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ต้องซื้อ
คือสินค้าที่คุณภาพดีและราคาถูก
จากประกายไฟในวันนั้น "เฮียฮ้อ" สรุปเลยว่า เส้นทางของ "อาร์เอส" ในอนาคตมีเส้นทางเดียว
"ดิจิทัล"
"เฮียฮ้อ" ไม่ใช่เทคโนโลยีแมน โทรศัพท์ก็ใช้เพียงแค่โทร.เข้า -โทร.ออก
แต่เขาติดตามเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อธุรกิจ
และชอบสังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ เพื่อตีความ เพื่อค้นหาว่าปรากฏการณ์ต่างๆ นั้น บอกอะไรกับเราบ้าง
อย่างเรื่องเว็บไซต์ youtube
ผมถาม "เฮียฮ้อ" ว่า กระแสความนิยม youtube สะท้อนให้เห็นอะไรบ้าง
"เฮียฮ้อ" ตอบว่า youtube บอกให้รู้ว่าวัยรุ่นวันนี้เพียงแค่ "เสียง" ไม่เพียงพอแล้ว
คนรุ่นใหม่ต้องการภาพเคลื่อนไหวด้วย
นี่คือ สิ่งที่เขาบอกให้ทีมงานนำไปคิดต่อ
และเป็นที่มาของสินค้าใหม่ "อาร์เอส"
"คลิปวิดีโอ" ของ "เกิร์ลลี่ เบอร์รี่"
ครับ วงดนตรีวงนี้จุดขายคือภาพเคลื่อนไหว ไม่ใช่เสียง
ณ วันนี้ โมเดลการทำธุรกิจเพลงของ "อาร์เอส" เปลี่ยนไปแล้ว
ไม่มี "ท่าไม้ตาย" แบบ "สูตรสำเร็จ" เดิมๆ ประเภททำเพลงเสร็จ อัดแผ่น โปรโมตทางวิทยุและมิวสิกวิดีโอทางโทรทัศน์
"เฮียฮ้อ" ยกเลิกสูตรสำเร็จการโปรโมตแบบนี้แล้ว
วิธีคิดใหม่ของ "อาร์เอส" คือ ให้ "คิดใหม่" ทุกครั้ง
ศิลปินคนไหนต้องการขายอะไร
"ไอน้ำ" ขายซีดีเพลง
"โปงลางสะออน" ขายซีดีการแสดงสด
"ฟิล์ม" ขายอิมเมจ
"เกิร์ลลี่ เบอร์รี่" ขายการแสดงสด ฯลฯ
จากนั้นก็มาคิดว่าการโปรโมตจะใช้วิธีการ แบบไหน
อย่าง "ฟิล์ม" เป็น "ศิลปิน" ที่รองรับกับกระแส K ป๊อป
เขาเริ่มต้นเปิดตัว "ฟิล์ม" ด้วยละครโทรทัศน์ที่พระเอกเป็นคนเกาหลี
ย้ำให้ "ฟิล์ม" เป็นตัวแทนกระแส K ป๊อป
จากนั้นจึงออกเทปและตามด้วยหนัง "รักจัง"
รายได้ของ "ฟิล์ม" มาจาก "ภาพลักษณ์" เป็นหลัก
ซีดีขายไม่ได้มากนัก แต่เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า โชว์ตัว ถ่ายแบบ เล่นหนัง-ละคร
...เพียบ
มีประโยคหนึ่งที่ผมชอบมาก
"เฮียฮ้อ" บอกว่า โลกธุรกิจวันนี้ไม่มีแล้ว "ผู้นำ" กับ "ผู้ตาม"
มีแต่ "ผู้นำ" กับ "ผู้แพ้"
คือ คำว่า "ผู้ตาม" นั้น หมายความว่าอาจจะเบียดแย่งขึ้นมาเป็น "ผู้นำ" ได้
เพราะแค่...ตาม
ส่วน "ผู้นำ" กับ "ผู้แพ้" นั้น เป็น การตอกย้ำให้รู้เลยว่า คนที่ตามหลังอยู่ ไม่ใช่แค่วิ่งไม่ทัน
แต่เขากำลัง "แพ้"
โอกาสที่จะกลับคืนสู่การแข่งขันนั้น ยากมาก