ReadyPlanet.com
bulletแอร์ CARRIER
bulletแอร์ CENTRAL
bulletแอร์ DAIKIN
bulletแอร์ EMINENT
bulletแอร์ FUJITSU
bulletแอร์ FOCUS
bulletแอร์ Haier
bulletแอร์ PANASONIC
bulletแอร์ LG
bulletแอร์ MITSUBISHI
bulletแอร์ MITSUBISHI
bulletแอร์ Midea
bulletแอร์ MITSUI
bulletแอร์ SAMSUNG
bulletแอร์ SHARP
bulletแอร์ STAR AIRE
bulletแอร์ TCL
bulletแอร์ TRANE
bulletแอร์ TOSHIBA
bulletแอร์ UNI AIRE
bulletแอร์ YORK
bulletแอร์เคลื่อนที่
bulletม่านอากาศ
bulletเครื่องทำน้ำเย็น
bulletเครื่องฟอกอากาศ
bulletเครื่องทำน้ำอุ่น
bulletแอร์มุ้ง
ไลน์ เพิ่มเพื่อน
dot
พัดลมดูดอากาศ Ventilators Fan
dot
bulletMITSUBISHI แบบติดผนัง
dot
เครื่องใช้ไฟฟ้า,บริการผ่อน
dot
bulletแอร์เก่าของคุณมีค่า
bulletกล้องวงจรปิด CCTV
bulletแอร์ตั้งพื้น 13-24000BTU
bulletผ่อนแอร์10งวด 0%
bulletเครื่องซักผ้า Panasonic
bulletเครื่องทำน้ำอุ่น Panasonic
bulletSite Reference
dot
dot
bulletยินดีต้อนรับ ร้านค้าผู้จำหน่าย
bulletChat Online
bulletTechnology IT
bulletนานา สาระน่ารู้
bulletsite map
bulletรายชื่อขนส่งสินค้า ไปต่างจังหวัด
bulletช่างประจำเขต
bulletโปรโมชั่น
bulletบิล 2021
dot
dot
dot
ร้านค้าสมาชิก ท๊อปคูลแอร์
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
bullet สมัครสมาชิก
dot
dot
สมัครรับข่าวสาร

dot


ยินดีรับบัตรเครดิตทุกธนาคาร
บริการชำระด้วยบัตรเครดิต ถึงสถานที่ติดตั้ง สะดวกสบาย
รับสมัครงาน  พนักงานขาย  ช่างติดตั้ง


ไม่มีเกม ไม่มีผมวันนี้!! เจาะชีวิต “ทนายบริษัทดัง” ผู้ทำฝันสำเร็จเพราะ “ติดเกม”

 

 


 
 

เจาะชีวิตได้ดีเพราะเกม อินจัดจนอยากเป็นตัวละครในเกม ได้ทั้งภาษา ได้ทั้งโอกาสที่ดีในการทำงานกับบริษัทแนวหน้าชั้นนำของเมืองไทย พร้อมเล่าแรงบันดาลใจจากเด็กติดเกมสู่การเป็นทนายความ แม้หลายคนจะมองว่าอาชีพทนายความเป็นอาชีพที่ชอบเปลี่ยนผิดให้เป็นถูก แต่ก็ยังยืนยันยึดหลักจรรยาบรรณช่วยเหลือคนเดือดร้อนต่อไป

แรงบันดาลใจ...จากเกมสู่อาชีพทนาย

“ถ้าไม่มีเกม ภาษาผมก็ไม่ดีขนาดนี้ แรงบันดาลใจ การจุดประกายในการเรียนกฎหมายก็ไม่มี ทำไมถึงชอบ ถ้าตอบง่ายๆ คือเกมสร้างแรงบันดาลใจ แต่ถ้าตอบแบบทั่วๆ ไปเลยก็คือมันได้ช่วยคน”

ภูมิ-ภาคภูมิ มโนมัยวงศ์ ทนายความ วัย 25 ปี ที่มีแรงบันดาลใจจากเด็กติดเกม สู่การเป็นทนายความสังกัดบริษัทแนวหน้าชั้นนำของเมืองไทย

ก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าการเล่นเกมไม่ได้ทำให้ไม่มีอนาคต สามารถเอาตัวเองเป็นตัวอย่างได้เลย เพราะมีทุกวันนี้ได้เพราะติดเกม และมีพฤติกรรมเลียนแบบ จนทำให้มีคนแชร์เรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจในครั้งนี้ออกไปอย่างมาก

ทนายหนุ่มอายุยังน้อยเล่าว่า ในช่วงมัธยมต้น เขาได้เล่นเกมซีรีส์ที่มีชื่อว่า Ace Attorney ภายในเกมจะได้รับบทเป็นทนายคดีอาญา คอยว่าความแก้ต่างให้ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกปรักปรำ หรือแม้แต่คนร้ายจริงๆ ที่ฟอร์มว่าบริสุทธิ์เสียเอง ทำให้เพลิดเพลินและอินไปกับตัวละครเป็นอย่างมาก เพราะมันทำให้รู้สึกดีที่ได้ช่วยคนที่เดือดร้อนในสิ่งที่ไม่สมควรจะต้องเดือดร้อน จนทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจที่จะเป็นทนายจริงๆ บ้างว่าในความจริงแล้วนั้นจะสนุกเหมือนตอนที่เล่นเกมหรือไม่ ซึ่งในตอนนี้ก็ได้สอบผ่านหลักสูตรวิชาว่าความของสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ และได้เป็นทนายความเต็มตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ถ้าให้เท้าความถึงตอนสมัยเด็กก็คือ ตอนนั้นผมก็เป็นเด็กน้อย แต่ก็ชอบเล่นเกมทั่วไป เวลาเพื่อนมีอะไรมาแนะนำก็เล่นตามเขา วันดีคืนดีไปเจอเกมในเครื่องที่เขาเรียกว่า Nintendo ในนี้มันก็มีเกมหนึ่งที่มันเรียกว่า Ace Attorney ถ้าภาษาญี่ปุ่นเขาเรียกว่า Gyakuten Saiban

หลักๆ ตัวเกมนั้นมันก็จะให้เราสวมบทบาทเป็นทนายความ ไปช่วยว่าต่างแก้คดีให้แก่ผู้ที่เขาไม่ได้ทำความผิดจริงๆ แต่ว่าเขาโดนปรักปรำ หรือแม้แต่กระทั่งคนร้ายจริงๆ ที่เนียน ฟอร์มว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วก็มาให้เราช่วยว่าความ

มันก็ให้ข้อคิดอะไรหลายๆ อย่างในการที่เป็นสายอาชีพนี้กับตอนเด็กตอนนั้น คือมันเป็นแฟนตาซี ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็ก ทำไมมันดีจังเลย มันเหมือนเราอ่านนิยายเรื่องหนึ่งฉันใดฉันนั้นเลย

พอตรงนั้นมาก็เริ่มเป็นแรงบันดาลใจ ขึ้น ม.3 ลองสำรวจตัวเองว่าชอบอะไร มันมีวิชากฎหมายจริงๆ นี่หว่า มันมีคณะนิติศาสตร์จริงๆ ทำไมเราไม่ไปลองเรียนดู เป็นแบบตามเกมที่เราเล่น ที่แบบเราติดมาก สนุกมาก เล่นแทบจะไม่หลับไม่นอน เพราะมันสนุกจริงๆ มันเป็นเนื้อเรื่องจริงๆ ที่ทำให้เราได้ enjoy ณ ตอนนั้น”

 


เจอเกมนี้ตอนเรียนอยู่ชั้น ม.2 เล่นเรื่อยมาจนติด จนรู้สึกสนุก พอขึ้นชั้น ม.3 ก็ส่งผลให้เป็นแรงบันดาลใจชั้นดี จนเจอคณะที่ชอบ ทำให้ตัดสินใจไม่ยากเลยที่จะเดินสายอาชีพทนายในอนาคต

“วิชาแนะแนวทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ในอนาคตการที่จะเลือกสายขึ้น ม.ปลาย มีสายวิทย์ สายศิลป์นะ เราจะเรียนคณะนี้เราต้องไปสายอะไร ซึ่งก็รู้ตั้งแต่สมัยนั้นคือว่าเลขกับวิทย์คือห่วยแตก ไม่เอา

ก็มาดูทางคณะสายศิลป์ว่าเราจะไปทางไหนได้บ้าง สำรวจรัฐศาสตร์ ศิลป์คำนวณ บัญชี ก็ไม่ค่อยถูกใจกับเราเท่าไหร่ พอมาดูคณะนิติศาสตร์ มันเป็นคณะที่เรานึกถึงเกมที่เราเล่นสมัยนั้น เราได้เป็นทนาย ในอนาคตมันได้ว่าความ มันก็สนใจทันทีเลยที่จะล่าตาม เหมือนกับปักธงไว้แล้ว ชีวิตของฉัน ณ ตรงนี้ ชีวิตเป็นไงไม่รู้ แต่ว่าฉันจะเข้าคณะนิติศาสตร์ ก็เพราะเกมเกมนี้เลยครับจริงๆ มันก็มีปัจจัยอื่นๆ ด้วย อย่างที่อธิบายไปว่าไม่ชอบเรียนเลข แต่ว่าคือแรงบันดาลใจที่เป็นจุดประกายเลยต้องยกให้เกม”

ทนายหนุ่มยังบอกอีกว่า มีวันนี้ได้เพราะติดเกม ถ้าไม่มีเกมนี้ก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะมุ่งไปเส้นทางสายอาชีพไหนเหมือนกัน

“ถ้าเกิดทาง Capcom เขาไม่ผลิตเกมนี้มา ถ้าเกิดเกมนี้ไม่มีจริงอยู่บนโลกใบนี้ ผมก็ไม่แน่ว่าตัวผมในอดีตตอนเด็กไม่เคยเจอเกมนี้ แล้วเขาจะมีแรงบันดาลอะไรที่เขาจะต่อยอดชีวิตอะไรได้ในอนาคต

ก็คือเหมือนกับเป็น Butterfire Effect ถ้าเกิดเรานั่งกลับไป time machine แล้วทำลายเกมนี้ จุดที่เอามาเป็นแรงบันดาลใจของผมย่อมไม่มี พอไม่มีทุกวันนี้จะเป็นยังไงผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน”

[เกมที่สร้างแรงบันดาลใจสู่การเป็นทนาย]
 
[เกมที่สร้างแรงบันดาลใจสู่การเป็นทนาย]


ได้ภาษาจากเกมจนได้เป็นติวเตอร์

“ถ้าไม่มีเกม ภาษาผมก็ไม่ดีขนาดนี้ แรงบันดาลใจ การจุดประกายในการเรียนกฎหมายก็ไม่มี เวลาเรียนภาษามาก็ต้องเอามาใช้ เกมเป็นแหล่งภาษาได้ดีที่สุดแล้ว เพราผมชอบเล่นเกม สมัยก่อนคืออ่านไม่รู้เรื่อง ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ก็ได้มาจาการเล่นเกม ก็คือมีเรียน แต่ว่าเวลาจะเอาไปใช้ได้จริงก็คือจะเอาไปใช้ในเกม

เรียนในโรงเรียน เรียนพิเศษแล้วก็หาแหล่งใช้ก็ใช้กับคนในทีม ฝรั่ง คนญี่ปุ่น เวลาไปฝึกฟัง คนรอบตัวเราก็มีแต่คนไทย ก็ไม่รู้จะไปฝึกฟังที่ไหน ก็ในเกม ฝึกพากย์เสียง อ่านซับไตเติลไปด้วย ดูว่าฝรั่งเขาพูดยังไง คนญี่ปุ่นเขาพูดยังไง เพื่อได้ความรู้”

นอกจากจะได้ดีเพราะเกมทำอาชีพทนายความแล้ว ยังได้ทั้งภาษาจากการเล่นเกมอีกด้วย จนมีเพจสอนภาษาเป็นของตัวเอง

“มีเพจเฟซบุ๊กครับชื่อว่า “ภาษาญี่ปุ่นตามใจครู” ก็ทำมาได้ประมาณปีหนึ่งแล้ว ปัจจุบันมีผู้ติดตามอยู่ 8,500 คน ก็ไม่เยอะมาก ในเพจก็มีการสอนภาษาเป็นคอร์สจริงจัง ผมขายราคาถูกมากมาได้ ถ้าในฟีดก็จะมีการสอนบ้าง ไร้สาระบ้าง เน้นตลกโปกฮาไม่ได้เน้นแบบซีเรียส ไม่ได้สอนเหมือนติวเตอร์จริงจัง ก็คือสอนแบบสบายๆ แล้วก็มีสตรีมเกมด้วย

จุดประสงค์ที่ผมสร้างขึ้นมาคือ เป็นเพจสอนภาษาที่มีดีกว่าแค่การสอนภาษา คือเราอยากจะเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นในแหล่งอื่นๆ ที่ผมได้ประสบมานั่นคือเกม เป็นแหล่งที่ดีมากในการที่จะเรียนรู้ ผมก็อาจจะเอาเกมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นมาลงสตรีมเกม

ก็ยังต้องเปิดพจนานุกรมอยู่ครับ เพราะว่ามันก็ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เรา ในระดับภาษาญี่ปุ่นที่ผมได้ตอนนี้คือมันยังไม่ได้ระดับสูงสุด สูงสุดทั้งหมด 5 เลเวลที่เขาสอบกันอยู่ตอนนี้ แต่ตอนนี้ผมอยู่ที่ n2 ถามว่ารู้ประมาณไหน คันจิทั่วไปในชีวิตประจำวันผมรู้ประมาณครึ่งหนึ่ง มันมีทั้งหมดสองพันตัว ผมจำได้ประมาณพันตัว เขียนไปไม่ถึงร้อยตัว”

[บทบาทติวเตอร์สอนภาษาญี่ปุ่น]
 
[บทบาทติวเตอร์สอนภาษาญี่ปุ่น]


นอกจากทนายความยังเป็นติวเตอร์สอนภาษาหาเงินส่งตัวเองเรียนตั้งแต่เรียนอยู่ ปี 1 มีลูกศิษย์เข้ามาเรียนอยู่ไม่ขาดสาย

“ถ้าเป็นในเพจก็ถ้าคอร์สที่เปิดให้ทดลองเรียนฟรีก็ 100 กว่าคน อันนี้คอร์สฟรีนะ แต่ถ้าคอร์สที่จ่ายตังค์มาจะเป็น ตอนนี้ที่ผมทำอยู่ปัจจุบันจะมีทั้งหมดสองคอร์สก็คือ ขั้นแรกเป็นพื้นฐานตัวอักษรของญี่ปุ่นเลยก็คือเป็นยังไง อ่านยังไง การผสมคำทำยังไง มีคนเข้ามาสมัครอยู่ประมาณ 60-70 คน ตอนนั้นมียิงโฆษณาในเฟซบุ๊กด้วย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวไม่รู้ว่าขายอยู่

ส่วนคอร์สที่ 2 ยังไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการ แต่สามารถเข้าไปเรียนได้ในราคาถูก เป็นเนื้อหาของไวยากรณ์ เป็นแบบเรียนที่ผมเอง และเป็นแบบที่คนไหนๆ เขาก็ใช้กันอยู่

ก็ขับรถไปสอนถึงที่เลย ตอนนี้นักเรียนก็เหลืออยู่ประมาณ 2 คน เพราะว่ามันมีงานประจำ จะสอนหนักหน่วงเหมือนตอนสมัยมหาวิทยาลัยไม่ได้

เป็นติวเตอร์มานับมาจนถึงปัจจุบันก็ 6 ปีแล้ว สอนตั้งแต่เรียนปี 1 ก็ไม่ได้สอนทุกวัน ก็แล้วแต่นักเรียนมา ก็พยายามจัดสรรเวลาช่วงเวลาเราว่าง ช่วงใกล้สอบก็อาจจะเบรกไว้ก่อน สอนจนเป็นชีวิตประจำวันจนเพื่อนบอกว่ามึงไปสอนเหรอ ก็ไม่ได้มีสถานที่เป็นของตัวเอง นั่งสอนตามร้านกาแฟ ไปนั่งโรงอาหารบ้าง

ตอนปี 4 ก็สามารถเก็บเงินได้มากพอจนจ่ายค่าเทอมตัวเองได้ ครั้งหนึ่งก่อนที่จะจบ บอกแม่ว่าไม่ต้องจ่าย ค่าเทอมของจุฬาฯ ก็ไม่ได้แพงมาก ก็ 18,000 บาท ก็จัดการเอง”

นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้ไปเป็นวิทยากรรับเชิญไปสอนให้เด็กๆ ที่เตรียมตัวไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

“เป็นบริษัทเกี่ยวกับการจัดโปรแกรมเพื่อที่จะส่งนักเรียนไปเรียนต่อชั่วคราว 1 ปี ระยะหนึ่งในประเทศต่างๆ มีทั้งอเมริกา แคนาดา ก็มีญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในนั้น เขามีจัดพวกแคมป์ ลองมาติวเพื่อมาเอาความรู้ ความรู้พื้นฐานมันประมาณนี้นะ

ให้แนะนำการออกไปใช้ชีวิตข้างนอก ต้องทำตัวยังไง มีวิธีการปฏิบัติยังไง เพื่อให้คนที่มีประสบการณ์เคยไปเรียนที่โน่นมาอย่างผมเล่าให้เขาฟัง ก็เคยไปเรียนแบบระยะสั้นครับ เรียน 1 เดือน ไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมตอนสมัยตอนอยู่ ม.5

ก็รู้สึกโชคดีครับ เพราะว่าน้องสาวผมก็เข้าโปรแกรมนั้นเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมยังไม่ได้สอนนะครับ คือพอเขารู้ว่าพี่ชายเป็นติวเตอร์ เขาก็เชิญมาให้ค่าตอบแทน”

 


นอกจากนี้ ยังเคยเป็นล่ามให้แก่เหล่าเกมเมอร์ญี่ปุ่นที่มาแข่งที่ประเทศไทยอีกด้วย ยอมรับว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ เพราะเป็นสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบด้วย

“ตอนนั้นก็มีเพื่อนในเฟซบุ๊กเขาโพสต์หามีงานล่ามญี่ปุ่น งานเกมมีใครสนใจบ้าง ผมก็คว้าเลย เกี่ยวกับเกมก็เข้าทางอยู่แล้ว ก็คือไปคุยงานว่าเดี๋ยวจะเป็นทีมญี่ปุ่น พาทีมพับจีไปดูงาน เขาจะมาแข่งเกมที่พันธุ์ทิพประตูน้ำ แล้วเขาต้องการทีมติดต่อประสานงาน เพราะว่าคุณไทยก็ไม่มีใครพูดญี่ปุ่นได้ เขาก็ไม่ได้เก่งอังกฤษมาก เขาก็หาล่าม ก็บอกไป

ติดต่อประสานงาน ดูแล ซื้อของเข้าเซเว่นฯ เข้าโรงแรม เดินทาง พาไปพามาติดต่อประสานงาน เกมจะเริ่มแล้วนะ ในจุดนี้นะ เอาอันนั้นอันนี้มาด้วยนะ นัดเวลานี้นะ ก็เป็นการสื่อสารทั่วๆ ไป ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น ก็สนุกดี ก็มาแข่งพับจีด้วย ก็เข้าทาง”

เรียกได้ว่าเกมเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดอาชีพทั้งติวเตอร์ ทั้งอาชีพทนายความที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ และยังได้รับโอกาสอื่นๆ อีกมากมายเพราะเกม

“ทำไมถึงชอบถ้าตอบง่ายๆ คือเกมสร้างแรงบันดาลใจมา แต่ถ้าตอบแบบทั่วๆ ไปเลยก็คือมันได้ช่วยคน คือมันก็มีหลายอาชีพที่ช่วยเหลือคน ถ้าป่วยก็ไปหาหมอ ถ้าหิวข้าวก็ไปหาพ่อครัว เขาก็ช่วยกันคนละแบบ ถ้าเกิดทางสังคม คดี มีข้อพิพาท เขาจะมาหาใคร เราทำด้านนี้ได้”

 


ภูมิใจได้ช่วยเหลือคนเดือดร้อน

“เวลาคนเขาเดือดร้อนต้องหาคนช่วยเหลือ ถ้าเกิดเขาไม่มีความรู้เขาก็ต้องหาทนาย ถ้าเกิดเล่าจากประสบการณ์ส่วนตัวเท่าที่ผมเคยทำงานมา ณ ตรงนี้ ผมก็ได้เขียนสัญญาคนที่เขาอยากทำธุรกิจ คนที่เขาอยากติดต่อ เขากลัวว่าจะมีการตุกติกหรือเปล่า เขาก็อยากจะ play safe ช่วยมาเขียนสัญญาให้หน่อยได้ไหม ก็มี

หรือคนที่เขาโดนตำรวจจับในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ เขาก็อยากจะให้มาช่วยหน่อยได้ไหมทนายภาคภูมิ มันมีทางแก้อะไรไหม ผมก็บอกว่าฝากไปบอกเขาก่อนนะว่า ถ้าเกิดเขาทำผิดจริงให้ระวังไว้ แต่ว่า ณ ตรงนี้ในแง่กฎหมายแล้วเขายังรอดอยู่ เพราะตัวเจ้าของลิขสิทธิ์เขาไม่ได้มาฟ้อง ตามกฎหมายแล้วคดีนี้ไม่สามารถดำเนินคดีต่อไปได้ เพราะว่าภาษากฎหมายมันเป็นนำกฎหมายโดยส่วนตัว เขาก็รอดไป”

แม้หลายคนจะมองว่าอาชีพทนายความเป็นอาชีพที่ชอบเปลี่ยนผิดให้เป็นถูก มองว่าไม่มีเกียรติแค่ไหน แต่ภาคภูมิเองก็ยังรู้สึกภูมิใจและดีใจทุกครั้งที่ได้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน เพราะโดยส่วนตัวแล้วก็ยึดหลักจรรยาบรรณทนายความในการประกอบอาชีพอยู่เสมอ

“ผมก็ต้องย้ำว่า การเปลี่ยนผิดให้เป็นถูก ณ ตรงนี้ก็คือ เตือนไปเลยว่ามันไม่ถูกนะ เราก็ต้องมีคุณธรรม จรรยาบรรณของผู้รักษากฎหมายด้วย ช่วยเหลือคนที่เขาเดือดร้อนก็จริง แต่ว่าไม่ใช่แบบว่าเขาร่ำลือกันว่าทนายเป็นอาชีพไม่มีเกียรติ เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก เป็นมั่วกันไปหมด

ถ้าว่าตามหลักกฎหมายก็เรื่องหนึ่ง แต่ว่าถ้าเรื่องคุณธรรม จรรยาบรรณ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องเทกว่าอยู่เหนือกฎหมาย คุณรอดก็จริงคดีนี้ แต่ว่าสิ่งที่คุณทำไม่ถูก ดังนั้น ถ้าคุณผิดขึ้นมาจริงๆ ผมไม่ช่วยนะครับ ต้องพูดกันตรงๆ มุมนี้มันก็คือเหมือนกับเป็นประสบการณ์ที่ผมมาเป็นทนายความแล้ว แล้วผมก็ได้ช่วยเหลือคนอะไรแบบนี้จริงๆ”

 


สังคมทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าทนายความมีความสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมอยู่ไม่น้อย อย่างที่เห็นอยู่บ่อยๆ ในทุกวันนี้เราเห็นดาราที่เริ่มออกมาปกป้องชื่อเสียงตัวเองมากขึ้น ก็ได้ทนายเหล่านี้เป็นตัวช่วยในการปกป้อง

ในฐานะทนายเอง เจ้าตัวก็มองว่าทนายเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะช่วยขับเคลื่อนสังคมให้เดินไปข้างหน้าอย่างเรียบร้อย

“ทนายก็เหมือนหมอในโรงพยาบาล ถ้าทางนั้นคือแพทย์ อันนี้ก็หมอความ มีเรื่องมีราวอะไรกันขึ้นมาก็ให้ทนายช่วยทั้งนั้น ดังนั้น ถ้าถามว่ามันสำคัญยังไง มันก็เป็นเหมือนกลไกฟันเฟืองในการขับเคลื่อนสังคม มีธุรกิจอะไรมา ตกลงในการสร้างสัญญาให้มันเป็นที่เป็นทางก็ต้องจ้างทนายเขียน

จะมาเขียนกันเองแบบชาวบ้านได้ไหม มันก็ได้ ถ้ามันมีความบกพร่องก็ไม่ได้ มันก็เสี่ยง หรือว่ามีทะเลาะกัน มีเรื่องมีความกัน คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ว่างมาศึกษาเรื่องกฎหมาย มันก็คืองานบริการชนิดหนึ่ง จะเรียกว่าสำคัญก็คงจะน้อยไป ก็คือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองในการขับเคลื่อนสังคมเดินไปข้างหน้าดีกว่า”

 


[สอบผ่านหลักสูตรวิชาว่าความ เป็นทนายเต็มตัว]

แม้จะเพิ่งเป็นทนายเต็มตัวได้ไม่นาน ตอนนี้ก็เริ่มมีคนเข้ามาขอความช่วยเหลือแล้วบ้าง ในอนาคตภายภาคหน้าคิดเสมอว่าจะมีโอกาสช่วยคนที่เดือดร้อนได้จริงๆ ในทุกรูปแบบ เพราะจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านอาชีพทนายให้ได้มากที่สุด อนาคตหวังสอบเป็นอัยการ

“ก็คิดว่าในอนาคตเรื่อยๆ ก็จะมีโอกาสได้ช่วยเหลือคนเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมอาจจะฝากไว้นิดหนึ่งว่าอนาคตผมก็ยังจะสอบเป็นผู้พิพากษา แต่คือทนายความตรงนี้เหมือนการเก็บประสบการณ์ไว้ก่อน โลกของนิติศาสตร์จริงๆ การว่าความจริงๆ เป็นยังไง วิชาชีพทนายความเป็นยังไง

เพราะว่าแม้แต่การสอบอัยการเองเขาก็มีเงื่อนไงว่าคุณต้องเป็นทนายความมาอย่างน้อย 2 ปี หรือว่าไปทำงานกรมอะไรอื่นๆ เพื่อเก็บอายุงานเพื่อให้มันเป็นก่อน ไม่ใช่แบบว่าจบนิติปุ๊บสอบเป็นอัยการได้เลย ไม่ใช่ คือต้องมีขั้นตอนค่อนข้างเยอะเหมือนกัน

ตอนนี้ก็มีใบอนุญาตว่าความของสภาทนายความ แล้วก็เป็นสอบเนติบัณฑิต เนติบัณฑิตก็คือเป็นการสอบที่สำหรับคนที่อยากเป็นอัยการ หรือผู้พิพากษาในอนาคต เป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่จะสอบให้จบ ซึ่งข้อสอบยากมาก (หัวเราะ) ก็ดีใจมาก ตอนสอบผมดีใจน้ำตาไหลเลย คือตอนจบ ป.ตรีก็ดีใจประมาณหนึ่งนะ คือถ้าเทียบกับเนติบัณฑิตแล้วคือที่สุด หนักมากด้วย”

 


มีโอกาสได้ทำงานในบริษัทแนวหน้าของเมืองไทย

ยอมรับว่าเกมเป็นช่องทางให้ได้ทำงานที่ดี ได้เงินที่ดีด้วยปัจจุบันหลังจากสอบตั๋วทนายความได้แล้ว ก็ได้เข้าทำงานกับบริษัทแนวหน้าชั้นนำของเมืองไทยทันที

“ผมทำอยู่กับบริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด เป็นบริษัทกฎหมายแนวหน้าชั้นนำของประเทศไทย งานก็เป็นงานประจำที่นี่เป็นที่แรก ก็เพราะว่าเพิ่งรับใบจบทนายมา เพราะว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถ้าเกิดเป็นหมอเป็นพวกแนวมันก็จะมีเรียนเป็นแบบจบ 6 ปี ซึ่งจริงๆ ผมก็จบภายในปีเดียวได้ แต่ว่าผมโชคไม่ดีพอ สอบเนติไม่จบภายในปีเดียว

อันนี้พูดให้เป็นกำลังใจแล้วกัน เห็นแบบนี้ สอบเนติมีอยู่กลุ่มวิชาหนึ่งเขาผ่าน 50 ผมได้ 49.5 ผมได้มาแล้ว แต่ผมก็ไม่ท้อครับ ผมก็เอาปีที่ 2 เอาให้ผ่าน ยังคงตั้งใจอยู่ แม้ว่าจะมีท้อบ้าง

ต้องบอกก่อนว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทแบบแนวหน้ามาก ปกติเขาจะรับพวกเกียรตินิยมอันดับ 1 แบบภาษาอังกฤษดีมาก แล้วผมเองจบแค่เกียรตินิยมอันดับ 2 ความรู้อังกฤษก็โอเค สอบโทอีกเต็ม 950 ผมได้ 905 แล้วก็ได้ภาษาญี่ปุ่น ถามว่าได้มาจากไหน ก็ได้มาจากเกม ก็เลยได้เข้าไปในบริษัทดีๆ”

 


หลังจากที่ก้าวขาเข้าสู่อาชีพทนายอย่างตัว อดีตเด็กติดเกมสู่อาชีพทนายในวันนี้เล่ามา ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมากจากอาชีพนี้

“ได้เรียนรู้หลายอย่างอยู่เหมือนกัน อย่างแรกเลยก็คือคนที่โดนฟ้องคดีไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นคนไม่ดีเสมอไป อันนั้นน่าจะเป็นอะไรในสังคมที่เข้าใจกันผิดพลาดสูงมาก ผมเข้ามาในวงการนี้ก็ทำให้รู้ว่าคนที่โดนฟ้องบางครั้งก็เป็นแพะรับบาป แค่การบริหารจัดการที่ผิดพลาด เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เช่น คดีล้มละลาย

ชาวบ้านมองว่าล้มละลาย ไปกู้แล้วใช้สุรุ่ยสุร่าย แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ อย่างเช่น ขออนุญาตเอ่ยนามบริษัทการบินไทย ก็อาจจะมีการบริหารจัดการที่ผิดพลาด อาจจะมีเรื่องสะท้อนเบื้องลึกเบื้องหลังผมก็ไม่ทราบ แต่ว่ามันก็ไม่จำเป็นว่าเป็นคนชั่วเสมอไปที่จะโดนฟ้อง เขาอาจจะพลาด โควิด-19 เข้ามามีปัญหา ทำให้ล้มละลาย

หรือแม้คนที่โดนฟ้องมา มันอาจจะเป็นข้อสัญญาที่ทำมาในตอนแรกอาจจะไม่เคลียร์ แล้วอาจจะมานั่งเถียงกัน อันนี้มันก็อาจจะไม่ได้มานั่งหาคนผิด การฟ้องคดีกัน คนที่โดนฟ้องที่เป็นจำเลยไม่ได้ว่าเป็นคนไม่ดีเสมอไป อันนี้คืออันแรกที่ผมได้เรียนรู้

 
 

อย่างที่ 2 คือ การจะเป็นนักกฎหมายที่ดีมันไม่ใช่แค่ว่าต้องแม่นกฎหมายอย่างเดียว แต่สิ่งที่สำคัญพอๆ กันเลยก็คือ การสื่อสาร และจรรยาบรรณของบุคคลนั้นๆ ถ้าเป็นนักกฎหมายแต่เอาไปใช้ในทางที่ผิด มันก็คือไม่มีประโยชน์ ก็คือเข้าไปเป็นเครื่องมือของการทำอะไรที่ไม่ดีไม่ร้าย

ส่วนเรื่องของการสื่อสารเราต้องถ่ายทอดให้เป็น เพราะภาษากฎหมายมันเป็นภาษาไทยที่อ่านยาก ถ้าคนทั่วๆ ไปพอเขานั่งฟังจนจบเขาก็จะไม่เข้าใจว่ามันแปลว่าอะไร แล้วเราต้องอธิบาย ต้องพูดให้เป็น คดีนี้มีข้อเท็จจริงอย่างนี้นะ แล้วภาษากฎหมายต้องแปลงให้เป็นว่าอย่างนี้นะ เขามีปัญหาอย่างนี้มา ต้องแก้ปัญหายังไง เล่าให้ฟังหน่อย มันต้องพูดต้องสื่อสารให้เป็น”

 


“อยากให้รู้ว่าด้านดีๆ ของเกมก็มี” ไม่ใช่แค่ฆ่าตัวตาย

“คนที่เขาถึงขั้นที่จะฆ่าตัวตายได้ มันจะต้องมีปัญหามากกว่าการเล่นเกม ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะว่าการเล่นเกมมันไม่ถูกใจเรามันอาจจะไม่ไปถึงขั้นนั้น มันอาจจะเป็นจุดทริกเกอร์ก็ได้ มันอาจจะมีรากลึกกว่านั้น เช่น อาจจะมีปัญหาครอบครัว ปัญหาความรัก ปัญหาหนี้สินเงินทอง อาจจะรุมเร้า แล้วเขามาหาทางออกด้วยเกมตั้งนาน แล้วอาจจะมาเฟลเพราะเกม เหมือนหมดอะไรตายอยาก

แล้วข่าวก็เขียนประโคมด้วย อยากจะเรียกยอดวิวยอดไลก์ เรตติ้ง ข่าวดีๆ ด้านดีๆ ก็มีนะ ไม่ใช่ว่าแบบเด็กติดเกมขโมยเงิน เด็กติดเกมทำร้ายพ่อแม่ มันก็เป็นหลายมุมมอง เหรียญมันก็มีสองด้าน มีทั้งดีและไม่ดี มีทั้งคนยอมรับและไม่ยอมรับ มันก็มีคนที่ได้ดีเพราะเกมเหมือนกัน อยากให้รู้ว่าด้านดีๆ ของเกมก็มี ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่ 100%”

เป็นหนึ่งคนที่ได้ดีจากการเล่นเกม จึงไม่เชื่อว่าเด็กที่ฆ่าตัวตายเหตุผลจะมาจากการเล่นเกมเสมอไป เพราะคิดว่าอาจจะมีเหตุผลอื่นมาประกอบด้วย ไม่ว่าจะเรื่องของปัญหาความครอบครัวก็สำคัญเช่นเดียวกัน ซึ่งเจ้าตัวเองก็มีบ้างที่เล่นเกมแล้วเกิดอาการหัวร้อน แต่ก็สามารถจัดการอารมณ์ตัวเองได้ ไม่ทำร้าย หรือแสดงพฤติกรรมรุนแรงออกมาให้เห็น

“ถ้าคุมไม่อยู่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเกรียนคีย์บอร์ดอยู่ในเกม แต่ก็ไม่ทำอะไรมากกว่านั้น ไม่มานั่งโวยวาย หรือทำร้ายตัวเอง แต่ว่าส่วนใหญ่ผมเป็นคนใจเย็น จะคุมอยู่ รู้ว่าแบบมันไม่ได้ ก็เลิกเล่น ไปพักทำอย่างอื่นดีกว่า ยิ่งเล่นยิ่งเสีย มันเป็นเทคนิคในการเล่นเกมด้วย

เวลาที่เราหัวร้อน การสื่อสาร การเล่นอะไรอย่างนี้มันจะแย่ลงทันที เพราะว่าเราคุมไม่อยู่ สมมติแทนที่เราจะเล่นอยู่แล้วตรงกลาง เราก็ต้องพุ่งไปข้างหน้า อยากวอนตีน อยากสู้ มันก็ทำให้เสียไปกันหมด มันก็ควรจะหยุดแล้วก็พัก ไปทำอะไรอย่างอื่น ไปหาขนมกิน ไปหาอะไรเข้าปาก ไปหาของหวานกิน

ไม่เคยพาลพ่อแม่ อันนี้ไม่มีทางเลยครับ คนที่ไปถึงขนาดนั้นอันนี้ก็ต้องนิดนึง อันนี้ผมไม่เห็นด้วย การที่เราหงุดหงิดกับเกมไปทำร้ายทางร่างกาย ถามว่าทำร้ายทางคำพูดเคยไหม ก็มีบ้าง ส่วนตัวอาจจะพูดรุนแรงเพราะว่ามันหงุดหงิดจริงๆ เราคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่ไม่ถึงกับลงไม้ลงมือ การพูดแบบหงุดหงิดพอสติดีขึ้นก็ขอโทษ

ก็อยากฝากน้อง ไว้ว่าใจเย็นๆ ท่องไว้ว่ามันก็แค่เกม สุดท้ายแล้วการที่เราชนะ เราแรงก์สูง ถ้าไม่ได้เข้าแบบ Professional ตามมันก็ไม่ได้ต่ำ มันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นมา อาจจะไปอวดเพื่อนได้ว่าเราแรงก์สูงนะ ก็คือได้ความภูมิใจ แต่ว่าสุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราส่งผลในทางที่มันอย่างเห็นได้ชัดว่ามีคนไปทาบทามไปแข่งเกมนะ มีแนะนำอย่าไปจริงจังกับมันมากจนถึงขนาดที่มันจะเกิดผลเสียในตัวเรา เล่นรู้เกม อย่าให้เกมคุมเราดีกว่า

การแบ่งเวลามันก็เป็นเรื่องที่สำคัญครับ ผมจะไม่บอกว่าผมแบ่งเวลาเก่งขนาดนั้นนะ ผมก็ไม่ได้มานั่งเขียนหรอกว่าเท่านี้ถึงเท่านี้นะ ตื่นนอนเวลานี้ อ่านหนังสือเวลานี้ ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ ผมรู้สึกยังไง ผมก็ทำอย่างนั้น เดี๋ยวข้างในมันบอกเองว่าพอได้แล้ว ไปทำอย่างอื่นเถอะมันก็มี ยิ่งมาจะรู้สึกว่าเราไปเล่นเกมนานๆ เหมือนสมัยเด็กๆ มันก็ไมได้เหมือนกัน มันก็มีบ้างที่รู้สึกอิ่ม พอแล้วไปทำอย่างอื่น”

 


สุดท้ายนี้ทนายหนุ่ม อดีตเด็กติดเกมก็ฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านที่มีลูกชอบเล่นเกม ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ควรจะคุยกันด้วยเหตุผล เพราะทุกวันนี้คนที่ทำอาชีพเล่นเกมก็สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้เป็นอย่างดี

“ก็อยากจะฝากบอกถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านนะครับ เรื่องเล่นเกมมันก็ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องแย่ๆ เสมอไป ภายในเหตุผลที่ดี ภายใต้การดูแลที่ดี มันสามารถใช้เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของลูกคุณได้อย่างคิดไม่ถึง

เพราะว่าทุกวันนี้เกมมันไม่ใช่แค่มาริโอ้กระโดดเก็บเห็ด หรือเกมออนไลน์ที่อาจจะรุนแรงเสมอไป อาจจะเยอะแยะไปหมดเลย เหมือนแนวของเพลงที่มีทั้งเพลงป็อป หรือแนวของหนังที่มีทั้งแนวตลก มันก็คือมีอะไรหลายอย่างในโลกของมัน

ถ้าเราใช้ทัศนคติที่มองว่าเกมันคืออย่างนี้ มันมีข้อเสียอย่างนี้ แล้วไม่เคยศึกษาข้อดีเลย มันก็ไม่ต่างอะไรจากการที่เราไปตัดสินใจแทนลูกเรา ควรให้ลูกเราได้ไปลองก่อน แล้วก็ค่อยๆ ให้ไปด้วยกัน อาจจะไปนั่งเล่นกับลูกก็ได้ หรืออาจจะให้ลูกช่วยสอนนะ บางทีเราอาจจะเรียนรู้ในสิ่งที่เราอาจจะไม่รู้มาก่อนก็ได้

ไร้สาระหรือไม่อย่าไปคิดแทนคนอื่น ไร้สาระของคนหนึ่งอาจจะมีสาระมากมายสำหรับอีกคนหนึ่ง คุณมีสิทธิที่จะคิดว่าคุณไม่ชอบนะ คุณก็ไม่มีสิทธิเอาตรงนั้นมาตัดสินคนอื่น เขาชอบของเขา เขารู้สึกว่าอันนี้มันก็ไม่ควรจะไปทำตัวอะไรอย่างนั้น ถามว่ามีสาระไหม อันนี้ก็อยู่ที่แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน

พ่อผมชอบบอกว่า ปกติพ่อจะไม่ขีดเขียนเส้นทางอะไรให้ลูก เป็นอะไรที่ลูกจะต้องคิด แต่พอลูกคิดอะไรออกมาแล้วก็จะให้ลูกได้ลองทำเองก่อนว่ามันดีหรือไม่ดี โดยที่พ่อจะยืนอยู่ข้างๆ คอยแนะนำให้ จะไม่เดินจูงมือนำหน้า จะไม่เข็นเราอยู่ข้างหลัง แต่จะเดินไปด้วยกัน

แต่ถ้ามีอะไรที่มันหลงทางขึ้นมา อาจจะมีเนวิเกเตอร์อะไรให้บ้าง แต่ส่วนใหญ่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตผม แม้แต่น้องสาวผมตอนนี้ที่กำลังเรียนอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ก็สำเร็จอยู่เหมือนกัน เลี้ยงมาเหมือนกัน ก็คือมีความคิดเป็นของตัวเอง อยากจะทำอะไรต้องมาจากตัวเอง ไม่ใช่พ่อแม่มาบอก”

ใช้ 23 เพลงพี่ตูนไล่ตามความฝัน

 

“ผมฟังเพลงพี่ตูน บอดี้แสลม บ่อยมากเลย บอกให้สู้ชีวิต่อไป ก็เป็นรุ่นพี่นิติศาสตร์ จุฬาฯ ด้วย ก็เคยเจอเคยเห็น ได้สัมภาษณ์ด้วยตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย ก็ได้เพลงพี่เขา ก็ได้กำลังใจสู้ชีวิตต่อไป

ผมมีเพลย์ลิสต์อยู่ในโทรศัพท์ไล่เรียงเป็นชีวิตผม ตั้งแต่ช่วงที่ยังลั้นลา หรือว่าช่วงที่ไล่ตามความฝันอยู่ มาช่วงที่ท้อ จนมาถึงช่วงที่เห็นแสงอะไรขึ้นมา ผมใช้เพลงพี่ตูนเป็นเพลย์ลิสต์ในการเล่าชีวิตตัวเองตัวเองทั้งหมดเลยอยู่เหมือนกัน

ถ้าให้เรียงชีวิตของผมเป็นเพลงบอดี้แสลมที่ผมจัดเพลย์ลิสต์มา มีทั้งหมด 23 เพลง เพื่อเป็นการบอกชีวิตตั้งแต่ตอนช่วง ม.ปลายขึ้นมา ไล่ตามความฝัน เจอเรื่องอุปสรรค เรื่องความรัก เรื่องชีวิตอะไรต่างๆ นานา จนมาถึงปัจจุบันประสบความสำเร็จแล้ว

เพลงแรกคือ ใครคือเรา ก็คือสำรวจตัวเองว่าเราต้องการอะไรกันแน่ในชีวิต พอเรารู้แล้วเพลงที่ 2 เรือเล็กควรออกจากฝั่ง เรารู้แล้วว่าเราอยากจะทำอะไร อยากจะประสบความสำเร็จอะไร เราก็ควรจะออกไปไล่ความฝันนั้นๆ

เพลงที่ 3 คือเพลง ไม่เข้าท่า ซึ่งเป็นซิงเกิลเพิ่งออกมาเกี่ยวกับเกมเกมหนึ่ง คือเพลงไม่เข้าท่า ก็คือ พอเราอยากตามความฝันของเรา ก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากคนรอบข้าง ถ้าทำอย่างนี้จะได้เหรอ มันจะเข้าท่าเหรอ ติดเกมอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรารู้เรา ถึงแม้ว่าบางทีเราอาจจะเคยเป็นคนไม่เข้าท่า แต่สักวันหนึ่งมันต้องได้เสร็จแล้วพอมาถึงความมั่นใจก็เริ่มลดไป เข้าสู่เพลงคราม ลึกลงเท่าไหร่ก็ยิ่งมืดมน ค้นไปยิ่งสับสน ตรงนี้อาจจะช่วงวัยรุ่นเราอาจจะมีความรัก มันก็มีหลายๆ อย่างเข้ามาตีในชีวิตของเรา ทำให้เริ่มสับสนในตัวเอง ตรงนี้มันจะใช่จริงๆ หรือเปล่า

ช่วงอกหักช่วงวัยรุ่น ก็คือยาพิษ การพูดกันดิบดีแต่สุดท้ายก็นะ เสร็จแล้วก็มาเพลงทฤษฎีวัคซีน ก็คือพอเราได้เจอเรื่องร้ายๆ เกี่ยวกับความรัก มันก็มาเป็นวัคซีนคุ้มกันเรา ต่อไปเราก็จะไม่มีมานั่งทรมาน ให้มันเป็นวัคซีน

แล้วจากนั้นก็เข้าใจชีวิตด้วยเพลงอกหัก ก็คือมันยังไงมันก็ไม่ตาย ชีวิตมันต้องเดินต่อไป ถึงแม้ว่ามันจะช้ำรักแค่ไหน แล้วก็เข้าสู่การปลงเกี่ยวกับความรักวัยรุ่น ก็คือเช้าที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยส่องแสง เพราะว่าเราอาจจะนอนทื่อๆ โลกกลายเป็นสีเทา ไม่ค่อยมีใครมาสนใจเราเลย ก็คือท้อแท้ ช่วงนี้เริ่มขึ้นมาช่วงเรียนปี 1-2 เกิดความรักคุดมากเลย ตอนนั้นยอมรับว่าเคยต้องไปพบนักจิตฯ ด้วย เพราะว่าอกหักแบบร้ายแรงมาก

เริ่มปลง การที่เราเข้าจุฬาฯ มาได้มันมีประโยชน์อะไรในการที่เรามีความฝัน เราจะไปมีทำไม ชีวิมันไมได้มีความรัก ซึ่งมันก็เป็นเพลงต่อไปเลยก็คือ ครึ่งๆ กลางๆ ที่อยู่ในอัลบั้มล่าสุดนี้ เราจะมีความฝันไปทำไมในเมื่อสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครรับเราเมื้อเราถึงฝั่ง

เสร็จแล้วก็คือต่อด้วยเพลงกลับบ้าน ของอัลบั้มคราม เพราะว่าเราปลงแล้วเนอะ สุดท้ายแล้วก็จะมีใครมารอรับเรา นั่นคือพ่อแม่เรา ก็แบบเมื่อไหร่ที่ล้มก็คิดถึงพ่อ เมื่อไหร่ที่ท้อยังคิดถึงแม่ ก็ทำให้น้ำตาไหลพอเรานึกถึงพ่อแม่ 

เพลงต่อไปก็คือความฝันกับจักรวาล ชีวิตนี้มันก็ธรรมดาที่มีอย่างโน้นอย่างนี้ ช่วยไมได้จริงๆ เราก็ตั้งว่าความหวังของเรากับมนุษย์คนหนึ่งในจักรวาลใบนี้มันก็เป็นอะไรที่ไปต่อได้

 

เพลงต่อไปก็คือความเชื่อ ถ้าเรามีความฝันความเชื่อจริงๆ เราก็ต้องไปต่อได้ ต่อด้วยเพลง เวลาเท่านั้น ถ้ามีความเชื่อก็ขอเวลาพิสูจน์เถอะว่าทุกวันเราจะประสบความสำเร็จ จากนั้นก็เพลงดัมมะชาติก็คือให้รู้ว่า ทุกๆ อย่างบนโลกนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เรียกสติให้ตัวเองด้วย ตรงนี้คือช่วงที่เรากำลังไฟว้ ก็คืออาจจะจบแล้ว เข้าสู่ช่วงเนติบัณฑิตแล้ว ก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายก็คือมันยากมากจริงๆ แต่ว่าเมื่อไหร่ที่ฟ้าไม่มีแสงรำไรก็จะไปให้ถึง อย่างที่พี่ตูนบอกไว้

พอประสบความสำเร็จผ่านมาได้ ก็เข้าสู่เพลง แสงสวรรค์ ก็ให้เรารู้ถึงเนื้อหาเพลงว่า เราเดินทางกันมาเหนื่อย ต้องพักบ้าง มีท่อนหนึ่งที่ร้องว่า จะรับแค่ไหนขับรถไปก็ยังต้องเจอไฟแดง คือแบบว่าชีวิมันจะไปหุนหันพันแล่นไปประสบความสำเร็จอย่างนี้มันก็ไมได้ อย่างที่ผมสอบตกได้ 49.5 มา ถ้ามันท้อเดี๋ยวก็ค่อยเอาใหม่ ชีวิตมันก็ต้องเจออุปสรรคเจอไฟแดงแบบนี้บ้าง

เสร็จแล้วก็มาให้กำลังใจตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ก็คือเพลง ไม่แก่ตาย ที่ featuring พี่โจอี้บอย ก็คือเราเริ่มอายุเยอะแล้ว ไม่ใช่แบบเป็นต้นๆ ของเพลย์ลิสต์นี้ ก็คือเราจะอายุเยอะแค่ไหนก็จะไม่พูดว่ามันยังสายที่จะเริ่มอะไรสักอย่าง ถ้าเกิดเราะทำอะไรสักอย่างแล้วไม่เคยมีคำว่าสาย

หลังจากนี้คือจะเป็นเพลงความสนุกแล้ว เพราะว่ามีแฟน ช่วงนี้ชีวิตรักก็ดี ก็อยากจะใส่เพลงเกี่ยวกับชีวิตรักแฟนตัวเองเข้าไปบ้าง ก็ประสบความสำเร็จแล้ว ก็อยากะมีชีวิแฮปปี้ ก็เป็นเพลงติ๊กเกอร์ เป็นเพลงสนุกๆ ให้มันเป็นสีชมพู แล้วก็เป็นเพลง แค่หลับตา เราก็ไม่ได้อยู่ไกลกัน แฟนผมก็เรียนอยู่ต่างจังหวัด ไม่ด้เจอกันบ่อยๆ แค่หลับาก็เห็นกันแล้ว แล้วก็รักอยู่เคียงข้างเธอ 149.6 ก็คือเป็นเพลงพวกเกี่ยวกับความรักขชองพี่เขา แล้วเพลงนิรันดร์ที่ featuring กับพี่ปาล์มมี่

เพลงสุดท้ายก็จบด้วยเพลง ชีวิตยังคงสวยงาม ตรงท่อนที่เขาบอกว่า ไม่ว่าจะร้ายดี เป็นการสรุปเลยท่อนเดียว ไม่ว่าจะร้ายดีชีวิตก็ยังคงสวยงาม เป็นการจบเพลย์ลิสต์นี้ 23 เพลงที่ผมคิดมา”